เมนู

ทรงชื่นชมภาษิตของพระพุทธเจ้า



[583] ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้กราบทูลพระผู้มี-
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงความเป็นสัพพัญญู พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์ความเป็นสัพพัญญู
แล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้นย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน และหม่อมฉัน
มีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้
ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงคนที่จัดเป็นวรรณะ 4 จำพวกที่บริสุทธิ์ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์คนที่จัดเป็นวรรณะ 4 จำพวกที่บริสุทธิ์แล้ว และ
ข้อที่ทรงพยากรณ์นั้นย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน และหม่อมฉันมีใจ
ชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงเทวดาที่ยิ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์เทวดา
ที่ยิ่งแล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน และ
หม่อมฉันมีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉัน
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงพรหมที่ยิ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์
พรหมที่ยิ่งแล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน
และหม่อมฉันมีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อนึ่ง
หม่อมฉัน ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงข้อใด ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรง
พยากรณ์ข้อนั้น ๆ แล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ๆ ย่อมชอบใจและควรแก่
หม่อมฉัน และหม่อมฉันมีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ๆ ข้าแต่พระองค์-
ผู้เจริญ หม่อมฉันขอทูลลาไป ณ บัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า มหาบพิตรจงทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด
ขอถวายพระพร.

ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงชื่นชมอนุโมทนาพระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกระทำประทักษิณ แล้วเสด็จกลับไป ฉะนี้แล.

จบ กรรณกัตถลสูตร ที่ 10
จบราชวรรคที่ 4



อรรถกถากรรณกัตถลสูตร



กรรณกัตถลสูตร มีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
ในพระสูตรนั้น คำว่า อุทญฺญายํ(1) นี้เป็นชื่อของทั้งรัฐ ทั้ง
พระนครนั้นว่า อุทัญญา. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอาศัยอุทัญญานครประทับ
อยู่. บทว่า กณฺณกตฺถเล มิคทาเย ความว่า ในที่ไม่ใกล้พระนครนั้น
มีภูมิภาคที่น่ารื่นรมย์แห่งหนึ่ง ชื่อว่า กรรณกัตถละ. ภูมิภาคนั้นเขาเรียกกันว่า
มิคทายวัน เพราะทรงพระราชทานไว้เพื่อให้อภัยแก่เนื้อทั้งหลาย. ณ ที่กรรณ-
กัตถลมิคทายวันนั้น. บทว่า เกนจิเทว กรณีเยน ความว่า ไม่ใช่กิจ
อย่างอื่น เป็นกรณียกิจอย่างที่ได้กล่าวไว้ในสูตรก่อนั่นแหละ. พระภคินี
ทั้งสองนี้คือ พระภคินีพระนามว่า โสมา และพระภคินีพระนามว่า สกุลา
ทรงเป็นประชาบดีของพระราชา. บทว่า ภตฺตาภิหาเร ได้แก่ในที่เสวย
พระกระยาหาร. ก็ที่เสวยพระกระยาหารของพระราชา นางในทุก ๆ คนจะต้อง
ถือทัพพีเป็นต้น ไปถวายงานพระราชา. พระนางทั้งสองนั้น ได้ไปแล้ว โดย
ทำนองนั้น .
บทว่า กึ ปน มหาราชา เป็นคำถามว่า เพราะเหตุไร จึง
ตรัสอย่างนั้น. ตอบว่า เพื่อจะเปลื้องคำครหาพระราชาเสีย. เพราะพวกบริษัท
จะพึงคิดกันอย่างนี้ว่า พระราชานี้เมื่อจะเสด็จมาก็ยังนำข่าวของมาตุคามมาทูล
ด้วย พวกเราสำคัญว่า มาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยธรรมดาของคน แต่
พระเจ้าอยู่หัวเอาข่าวของมาตุคานมาเห็นจะเป็นทาสของมาตุคามกระมัง แม้
คราวก่อนพระองค์ก็เสด็จมาด้วยเหตุนี้เหมือนกัน ดังนี้ . อนึ่ง พระราชา
นั้นถูกถามแล้วจักทูลถึงเหตุที่มาของตน คำครหาอันนี้จักไม่เกิดขึ้นแก่พระองค์
ด้วยอาการอย่างนี้ เพราะฉะนั้น เพื่อจะทรงปลดเปลื้องคำครหาจึงตรัสอย่างนั้น.

1. ฉ. อุรุญฺญายํ สี. อุชุญฺญายํ.